เห็ดหอม ชิตาเกะ (Shiitake)
มีชื่อทับศัพท์เป็นภาษาญี่ปุ่นและชื่อภาษาอังกฤษว่า ชิตาเกะ (Shiitake) เห็ดหอมนอกจากจะเป็นอาหารแสนอร่อยแล้วยังมีคุณค่าสารอาหารและมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี จนได้ชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เห็ดหอมกินได้ทั้งดอกสดและดอกแห้ง คนจีนนิยมกินเห็ดหอมเนื้อหนาเก็บในฤดูหนาว ที่เรียกว่า ตังโกว แต่เห็ดหอมสดที่ผลิตได้ในไทยจะมีดอกบาง เนื้อไม่แน่น ไม่เหมาะที่จะทำเป็นเห็ดหอมแห้งจากความสนใจเห็ดหอมและการทำอาหารสุขภาพ สมาชิกในครอบครัวรับประทานอาหารมังสวิรัติทำให้ สุมณฑา เหล่าชัย หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเกษตรอินทรีย์ บ้านหนองขามพัฒนา อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นำเมนูพื้นบ้านอย่างน้ำพริก หรือที่ชาวอีสานเรียกแจ่ว มาลองดัดแปลงปรับสูตรเป็น “แจ่วบองเห็ดหอม” เน้นวัตถุดิบที่กลุ่มปลูกบนแปลงนา เป้าเป็นเมนูอาหารสำหรับผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เกาต์ และไต ได้มีน้ำพริกรับประทานดีต่อสุขภาพ
เทศกาลกินเจและอาหารเจส่วนใหญ่ที่เห็นจะมี "เห็ดหอม" เป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น เห็ดหอมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lentinus edodes ภาษาจีนเรียกว่า "เฮียงคุ่ง" หรือ "เฮียงสิ่ง" ส่วนญี่ปุ่นเรียกเห็ดหอมว่า ชิตาเกะ (Shi-ta-ke) ชาวเอเชีย เชื่อกันมาแต่โบราณแล้วว่าเห็นหอมเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยชะลอความชราได้ คนจีนและคนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานกันมาก
“อยู่กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ทุกครั้งที่มีโอกาสนำข้าวอินทรีย์ร่วมออกงาน จะเห็นผู้ป่วยมารักษาตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต ทำให้มีแนวคิดผลิตสูตรอาหารที่เหมาะเพื่อสุขภาพของผู้ป่วยขึ้น บวกกับสมาชิกในครอบครัวทานมังสวิรัติ จึงร่วมกับกลุ่มฯ ทดลองนำถั่วหมักและกะปิเจมาดัดแปลงแปรรูปเป็นแจ่วบองน้ำพริกพื้นบ้านอีสาน พร้อมกับใส่เห็ดลงไปในแจ่วด้วย ทดลองทั้งเห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า จนมาลงตัวที่เห็ดหอม เพราะเมื่อใส่เป็นส่วนผสมจะได้เป็นเนื้อเดียวกันกับข่า ตะไคร้ มีกลิ่นหอม เพิ่มรส เพิ่มความอร่อยให้กับแจ่วบองด้วย”
ล่าสุดทีมวิจัยในญี่ปุ่นกำลังมองหาความเป็นไปได้ในการใช้ LEM ที่ได้จากเห็ดหอมมาบำบัดผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และยังพบอีกว่า สารสกัดจากเห็ดหอมอีกตัวหนึ่ง ชื่อ อิริตาดีนีน (eritatenine) เป็นตัวช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดและระดับโคเลสเตอรอลให้กับร่างกาย
พื้นที่บนคันนากลุ่มฯ จะปลูกพืชผักทั้งกล้วยน้ำว้า มะละกอ ข่าแดง ตะไคร้ พริก มะกรูด ผลผลิตจะกินกันในครอบครัว รวมถึงขาย แต่ผลผลิตที่มีอยู่มากมาย จึงพูดคุยกันถึงการแปรรูปให้เกิดประโยชน์ มีจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญเป็นอาหารเพื่อสุขภาพเหมาะสำหรับทุกวัย จนมาลงตัวที่ทำ “แจ่วบองเห็ดหอม” ช่วยกันคิดค้นสูตรนานกว่า 4 ปี ทดลองพัฒนารสชาติจากข้อเสนอของสมาชิก เพื่อนๆ จนได้สูตรแจ่วบองที่ลงตัว ที่นอกจากเป้าหมายที่เป็นผู้ป่วยแล้ว กลุ่มคนหนุ่มสาวที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจด้วย
“ทดลองกว่า 4 ปี จนได้สูตรที่ลงตัว เราพัฒนาผลิตภัณฑ์มาตลอดจากคำติชมของลูกค้า กลุ่มเพื่อน กลุ่มเกษตรกรด้วยกัน ที่ให้คำแนะนำ อย่างกลุ่มคนหนุ่มสาวต้องการให้เพิ่มเห็ดหอม เพิ่มเผ็ด ปัจจุบันแจ่วบองเห็ดหอมจึงมี 2 สูตร คือเผ็ดน้อยและเผ็ดมาก ไม่อยากทิ้งกลุ่มคนป่วยที่ชอบรับประทาน ทุกสูตร ทุกส่วนผสมเน้นที่สะอาด ปลอดภัย ไม่เค็ม รสไม่จัดเพื่อให้เหมาะกับคนป่วย”
สรรพคุณและประโยชน์ของเห็ดหอม
- ช่วยในการป้องกันและต่อต้านโรคมะเร็งได้ดี- มีสารต้านทานไวรัสช่วยป้องกันโรคหวัด
- ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเส้นเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ
- ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยบำรุงระบบหัวใจให้แข็งแรงสามารถทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ
- ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคธาลัสซีเมีย หรืออาการโลหิตจาง
- ช่วยให้ร่างกายและกล้ามเนื้อแข็งแรง
- ช่วยบำรุงกระดูกไม่เปราะหรือแตกหักง่าย
- ช่วยให้เลือดลมในร่างกายหมุนเวียนได้สะดวก
- ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี
- ช่วยบำรุงระบบสมองให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่ซึมเศร้า
- ช่วยบำรุงระบบประสาทให้ทำงานได้สัมพันธ์กัน
- ช่วยในการต้านทานความแก่ชรา ทำให้ใบหน้าไม่ดูแก่ก่อนวัย
- ช่วยทำให้นอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้น
สำหรับการทำแจ่วบอง มีส่วนผสม คือ
ข่าแดง ตะไคร้ พริก เห็ดหอม ใบมะกรูด มะขามเปียก น้ำตาลมะพร้าว เต้าเจี้ยว กะปิเจ การแปรรูปแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน เริ่มจากนำข่าแดง ตะไคร้มาหั่น แล้วนำไปโขลกหยาบ ใส่น้ำมันเล็กน้อยนำไปผัดให้กลิ่นหอมแล้วพักไว้ จากนั้นนำเห็ดหอมมาต้ม 4 น้ำ แล้วนำไปหั่นลูกเต๋า รอให้เย็น แล้วนำมะขามเปียกมาต้มกับน้ำตาลมะพร้าว กรองเอากากออก จากนั้นนำเต้าเจี้ยว กะปิมาตั้งไฟอ่อนๆ ผัดให้เข้ากัน เมื่อได้ที่แล้วค่อยปิดไฟ นำส่วนผสมทั้งข่าตะไคร้ผัด น้ำมะขาม มาผัดให้เข้ากัน ไม่ต้องเติมเครื่องปรุงรสเพราะเตาเจี้ยวและกะปิมีรสเค็มแล้ว รอให้เย็นจึงเติมพริกป่น ใบมะกรูด และเห็ดหอมคนให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็นจึงใส่กระปุก นำไปจำหน่าย“ใส่กระปุกขาย 25 บาท กิโลกรัมละ 200 บาท ลูกค้าประจำคือร้านอาหารเจในจังหวัดร้อยเอ็ด โรงพยาบาลเสลภูมิ นำไปออกร้านเกษตรอินทรีย์ โพสต์ผ่านหน้าเฟซบุ๊ค และวางขายหน้าร้านอารยะฟาร์ม หนึ่งอาทิตย์จะผลิต 3 วัน ปริมาณการผลิตที่ 30 กิโลกรัม ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองส่งให้ลูกค้าในจังหวัดอื่นๆได้ชิม ล่าสุด ส่งทางไปรษณีย์ให้ลูกค้าที่ จ.ราชบุรี"
สำหรับท่านที่สนใจเรียนรู้ สุมณฑา บอกว่า พร้อมเปิดประตูต้อนรับ ให้แวะไปได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ เลขที่ 108 หมู่ 18 บ้านหนองขามพัฒนา อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 08-9274-8884 หรือติดตามผ่านทางเฟสบุ๊ค สุมณฑา เหล่าชัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อห้ามเล็กน้อยในเรื่องการรับประทานเห็ดหอม คือสตรีหลังคลอด ผู้ป่วยหลังฟื้นไข้ และคนที่เพิ่งหายจากการออกหัด ห้ามรับประทาน
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น